เมนู

ทรงสอบถาม


พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ข่าวว่าภิกษุทั้งหลาย เกิดความบาดหมาง. . . ทำปรามาสกันด้วยมือ ในโรง-
ภัต ในละแวกบ้าน จริงหรือ ?
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลรับว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.

ทรงติเตียนแล้วทรงห้าม


พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียน. . . ครั้นแล้วทรงทำธรรมีกถา
รับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อสงฆ์แตกกันแล้ว แต่ยังทำ
กิจอันไม่เป็นธรรม เมื่อถ้อยคำไม่ชวนให้ชื่นชมต่อกันเป็นไปอยู่ พวกเธอพึง
นั่งเหนืออาสนะ โดยนึกในใจว่า ด้วยเหตุเพียงเท่านี้ พวกเราจักไม่แสดงกาย
กรรม วจีกรรม อันไม่สมควรต่อกันและกัน จักไม่ทำปรามาสกันด้วยมือ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อสงฆ์แตกกันแล้ว แต่ยังทำกิจที่เป็นธรรม เมื่อถ้อยคำ
อันชวนให้ชื่นชมต่อกันเป็นไปอยู่ พวกเธอพึงนั่งในแถวมีอาสนะอันหนึ่งคั่นใน
ระหว่าง.
[242] สมัยต่อมา ภิกษุทั้งหลายเกิดความบาดหมาง เกิดความ
ทะเลาะถึงการวิวาทกัน ย่อมทิ่มแทงกันด้วยหอกคือปาก ในท่ามกลางสงฆ์อยู่
ภิกษุเหล่านั้น ไม่อาจระงับอธิกรณ์นั้นได้.
ครั้งนั้น มีภิกษุรูปหนึ่งเข้าไปในพุทธสำนัก ถวายบังคมพระผู้มีพระ
ภาคเจ้าแล้วได้ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ภิกษุรูปนั้น ยืนเฝ้าเรียบร้อยแล้ว
ได้กราบทูล คำนี้แด่พระผู้มีพระภาคเจ้าว่า พระพุทธเจ้าข้า ภิกษุทั้งหลายใน
วัดโฆสิตารามนี้ เกิดความบาดหมาง เกิดความทะเลาะ ถึงการวิวาทกัน ย่อม

ทิ่มแทงกันด้วยหอกคือปาก ในท่ามกลางสงฆ์อยู่ ภิกษุเหล่านั้น ไม่อาจระงับ
อธิกรณ์นั้นได้ ข้าพระพุทธเจ้าขอประทานพระวโรกาส ขอพระผู้มีพระภาคเจ้า
ทรงโปรดอาศัยความอนุเคราะห์เสด็จเข้าไปหาภิกษุเหล่านั้น ด้วยเถิด พระพุทธ-
เจ้าข้า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรับอาราธนาด้วยอาการดุษณี ครั้นแล้วได้เสด็จ
เข้าไปหาภิกษุนั้น ประทับนั่งเหนือพุทธอาสน์ที่เขาจัดถวาย ประทับนั่งแล้วได้
ตรัสคำนี้แก่ภิกษุเหล่านั้นว่า อย่าเลย ภิกษุทั้งหลาย พวกเธออย่าบาดหมาง
อย่าทะเลาะ อย่าแก่งแย่ง อย่าวิวาทกันเลย เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอย่างนี้
แล้ว ภิกษุอธรรมวาทีรูปหนึ่งได้กราบทูลคำนี้ แด่พระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ขอ
พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เป็นเจ้าของแห่งธรรม จงทรงพระกรุณารอก่อน ขอพระ
ผู้มีพระภาคเจ้าจงทรงมีความขวนขวายน้อย ประกอบสุขวิหารธรรมในปัจจุบัน
อยู่เถิด พวกข้าพระพุทธเจ้าจักปรากฏ ด้วยความบาดหมาง ด้วยความทะเลาะ
ด้วยความแก่งแย่ง ด้วยการวิวาทนั้น พระพุทธเจ้าข้า.
พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสคำนี้ แก่ภิกษุเหล่านั้นเป็นคำรบสองว่า อย่า
เลยภิกษุทั้งหลาย พวกเธออย่าบาดหมาง อย่าทะเลาะ อย่าแก่งแย่ง อย่าวิวาท
กันเลย.
ภิกษุอธรรมวาที่นั้น ได้กราบทูลคำนี้แด่พระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นคำรบ
สองว่า ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เป็นเจ้าของแห่งธรรม จงทรงพระกรุณารอก่อน
พระผู้มีพระภาคเจ้าจงทรงมีความขวนขวายน้อย ประกอบสุขวิหารธรรมใน
ปัจจุบันอยู่เถิด พวกข้าพระองค์จักปรากฏ ด้วยความบาดหมาง ด้วยความทะเลาะ
ด้วยความแก่งแย่ง ด้วยการวิวาทนั้น พระพุทธเจ้าข้า.
[243] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้ารับสั่งกะภิกษุทั้งหลาย ว่าดัง
นี้ :-

เรื่องทีฆาวุกุมาร


ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้ว ในพระนครพาราณสี ได้มี
พระเจ้ากาสีพระนามว่าพรหมทัต ทรงเป็นกษัตริย์มั่งคั่ง มีพระราชทรัพย์มาก
มีพระราชสมบัติมาก มีรี้พลมาก มีพระราชพาหนะมาก มีพระราชอาณาจักร
ใหญ่ มีคลังศัสตราวุธยุทธภัณฑ์ และคลังธัญญาหารสมบูรณ์ ส่วนพระเจ้า
โกศลพระนามทีฆีติ ทรงเป็นกษัตริย์ขัดสน มีพระราชทรัพย์น้อย มีพระราช.
สมบัติน้อย มีรี้พลน้อย มีพระราชพาหนะน้อย มีพระราชอาณาจักรเล็ก มี
คลังศัสตราวุธยุทธภัณฑ์และคลังธัญญาหารไม่สู้จะบริบูรณ์.
ครั้งนั้น พระเจ้าพรหมทัตกาสิกราช เสด็จกรีธาจาตุรงคเสนาไปโจมตี
พระเจ้าทีฆีติโกศลราช พระเจ้าทีฆีติโกศลราชได้ทรงสดับข่าวว่า พระเจ้า
พรหมทัตกาสิาราช เสด็จกรีธาจาคุรงคเสนามาโจมตีพระองค์ จึงทรงพระราช-
ดำริว่า พระเจ้าพรหมทัตกาสิกราชทรงเป็นกษัตริย์มั่งคั่ง มีพระราชทรัพย์มาก
มีพระราชสมบัติมาก มีรี้พลมาก มีพระราชพาหนะมาก มีพระราชอาณาจักร
ใหญ่ มีคลังศัสตราวุธยุทธภัณฑ์และคลังธัญญาหารบริบูรณ์ ส่วนเราเป็น
กษัตริย์ขัดสน มีพระราชทรัพย์น้อย มีพระราชสมบัติน้อย มีรี้พลน้อย มี
พระราชพาหนะน้อย มีพระราชอาณาจักรเล็ก มีคลังศัสคราวุธยุทธภัณฑ์แ ะ
คลังธัญญาหารไม่สู้จะบริบูรณ์ เราไม่สามารถจะต่อยุทธกับพระเจ้าพรหมทัต-.
กาสิกราช แม้แต่เพียงศึกเดียว ถ้ากะไร เราพึงรีบหนีออกจากพระนครไป
เสียก่อนดีกว่า ครั้นแล้วได้ทรงพาพระมเหสีเสด็จหนีออกจากพระนครไปเสีย
ก่อน ฝ่ายพระเจ้าพรหมทัตกาสิกราช ทรงยึดรู้พลพาหนะ ชนบท คลัง
ศัสตราวุธยุทธภัณฑ์และคลังธัญญาหาร ของพระเจ้าทีฆีติโกศลราชไว้ได้แล้ว
เสด็จเข้าครอบครองแทน.